วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555

อ่านเพื่อสร้างกำลังใจแก่ตัวเอง



สิ่งเดียวที่ผมทำไม่ได้คือ "การยอมแพ้" *~
ชายคนหนึ่งเพิ่งจะมาพูดได้ตอน อายุ 4 ขวบ
ชายคนนั้น...เพิ่งจะมาอ่านหนังสือออกตอนอายุ 8 ขวบ
ชายคน นั้น...เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน
ชายคนนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนอา ชีวะแห่งซูริค
ชายคนนั้น...เคยถูกอาจารย์ระบุว่า "สมองช้า ไม่ชอบสังคมและล่องลอยอยู่ในความฝันอันโง่เขลาของตัว เองตลอดเวลา"
ชายคน นั้น...ชื่อ "อัลเบิร์ต ไอสไตน์" บิดาแห่งปรมาณู

ชายคนหนึ่งเคยถูก ปฎิเสธจากโรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอยต์
ชายคนนั้น...ลองสมัครใหม่ดูอีก ที
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอีกครั้ง
ชายคนนั้น...พยายามเป็นครั้งที่สาม
ชาย คนนั้น...ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียน
ชายคนนั้น...ได้เป็นทหารสมใจ
ชาย คนนั้น...เข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลก ครั้งที่สองได้สำเร็จ
ชาย คนนั้น...ชื่อ "นายพล ดักลาส แมคอาเธอร์" ผู้พิชิตแปซิฟิคแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง

ชายกลุ่มหนึ่ง...เป็นนัก ดนตรี
ชายกลุ่มนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากผุ้บริหารคนหนึ่งจากบริษัทเดคคาเรคคอร์ติ้ง
ชายกลุ่มนั้น...ถูกปฎิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า "เราไม่ชอบเสียงเพลงของพวกเขา และกลุ่มนักดนตรีที่เล่นกีตาร์กำลังจะหมดสมัยแล้ว"
ชายกลุ่มนั้น...มีนาม ว่า "เดอะ บีเทิลส์" สี่เต่าทองแห่งตำนาน

ชายคนหนึ่ง...เป็นนักกีฬา
ชาย คนนั้น...เล่นบาสเกตบอลให้กับทีมโรงเรียนมัธยม
ชายคนนั้น...เคยถูกคัดออก จากทีมโรงเรียน
ชายคนนั้น...ชื่อ "ไมเคิล จอร์แดน" หนึ่งในนักกีฬาบาสเกตบอลที่ทำเงินมากที่สุดในโลก

ชายคนหนึ่ง...เป็น นักแต่งเพลงชาวเยอรมัน
ชายคนนั้น...สูญเสียความสามารถในการฟังลงเรื่อยๆ
ชาย คนนั้น...หูหนวกสนิทเมื่อมีอายุได้ 46 ปี
ชายคนนั้น...ได้ใช้ช่วงเวลา บั้นปลายชีวิตประพันธ์เพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ชายคนนั้น...ชื่อ "ลุดวิก ฟาน บีโธเฟน" นักประพันธ์เพลงชื่อก้องโลก

ชายคนหนึ่งสอบตกประถม 6
ชาย คนนั้น...เคยมีชีวิตที่พ่ายแพ้และล้มเหลวมาตลอด
ชายคนนั้น...ล้วนทำ ประโยชน์ครั้งใหญ่ๆเมื่อเขากลายเป็นผู้สูงอายุแล้ว
ชายคนนั้น...ได้เป็น นายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่ออายุ 62 ปี
ชายคนนั้น...ชื่อ "วินสตัน เชอร์ชิล" อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ

ชายคนหนึ่งเรียนปริญญาตรี
ชายคนนั้น ...เคยถูกจัดให้เป็นแค่นักศึกษาระดับกลางเท ่านั้น
ชายคนนั้น...เคยสอบ ได้อันดับที่ 15 จากนักศึกษา 22 คนในวิชาเคมี
ชายคนนั้น...ชื่อ "หลุยส์ ปาสเตอร์"

ชายคนหนึ่งเป็นนักร้อง
ชายคนนั้น...เคยถูกผู้จัดการของ แกรนด์โอเลโอเพรย์ไล่ออก
ชายคนนั้น...เคยโดนดูถูกว่า "แกมันไปไม่ถึงไหนเลย แกควรกลับไปขับรถบรรทุกมากกว่า"
ชายคนนั้น...ชื่อ "เอลวิส เพรสลีย์"

หญิงคนหนึ่งเป็นนางแบบผู้เปี่ยมไปด้วยความหวัง
หญิง คนนั้น...ทำงานให้กับบริษัทบลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่
หญิงคนนั้น...เคย โดนผู้อำนวยการบริษัท บลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่ดูถูกว่า "เธอควรไปเรียนด้านเลขาฯ หรือไม่ก็แต่งงานเสียดีกว่า"
หญิงคนนั้น...ชื่อ นอร์มา จีน เบเกอร์ หรือที่รู้จักกันในนาม "มาริลีน มอนโร" นั่นเอง

ชาย คนหนึ่ง หลงใหลวิชาการเงินอย่างมาก
ชายคนนั้น...ยื่นใบสมัครกับ มหาวิทยาลัยธุรกิจฮาวาร์ด อันเลื่องชื่อ
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธในเวลาต่อ มา
ชายคนนั้น...ไม่ยอมแพ้ เดินหน้าเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยธุรกิจโคลัมเบีย
ชายคนนั้น...สำเร็จการ ศึกษา
ชายคนนั้น...ปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมกว่า 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเงินลงทุนเพียง 100 เหรียญสหรัฐ
ชายคนนั้น...ชื่อ "วอเรน บัฟเฟตต์" นักลงทุนอัจฉริยะ อภิมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก

ชายคนหนึ่ง หลงใหลในคอมพิวเตอร์อย่างมาก
ชายคนนั้น...ชอบหมกตัวกับคอมพิวเตอร์เป็น เวลานานๆ
ชายคนนั้น...ถูกเพื่อนมองว่า "สกปรก - บ้าคอมพิวเตอร์"
ชาย คนนั้น...เคยเสนอซอฟแวร์ระบบให้กับ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น ...ถูกปฎิเสธอย่างไม่ใยดี
ชายคนนั้น...ปัจจุบันคือผู้ให้การช่วยเหลือ ด้านเงินท ุนกับ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น...เคยถูก ไอบีเอ็ม มองว่า "แค่เด็ก"
ชายคนนั้น...ปัจจุบันเป็นผู้นำบริษัทซอฟแวร์ที่ทรงอิ ทธิพลมากที่สุดในโลก
ชายคนนั้น...ชื่อ วิลเลี่ ยม เฮนรี่ เกตส์ ที่สาม หรือที่รู้จักกันในนาม "บิลล์ เกตส์" ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ผู้ถือครองสินทรัพย์กว่า 46,000 ล้านเหรียญ

ผม เชื่อว่าทุกคนเคยแพ้ ผมเชื่อว่าทุกคนเคยล้มเหลว

แต่คนแพ้ไม่ใช่คนที่ ล้มเหลว

คนล้มเหลวคือ...คนที่ล้มเลิกต่างหาก



                                                                      เครดิต by  http://www.hgctutor.com

วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555

สาระสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญา



สาระสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญา
                          
                                     รวบรวมโดย ..สำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ
       


             คดีอาญา คือ คดีที่มีการฟ้องกันเกี่ยวกับความผิด และโทษซึ่งกำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นๆ ในขณะที่มีการกระทำความผิด
                       ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา วรรค บัญญัติว่า บุคคลจักต้องรับโทษในทางอาญาต่อเมื่อได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้ในขณะที่กระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิด และกำหนดโทษไว้ และโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดนั้น ต้องเป็นโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย
                      มาตรา 18 บัญญัติว่า โทษสำหรับที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดมีดังนี้
   1.  ประหารชีวิต (คือ การฉีดยา หรือสารพิษให้ตาย)
                         2 .  จำคุก (คือ การคุมขังไว้ในเรือน     จำ การคำนวณระยะเวลาจำคุก จะนับวันเริ่มจำคุกรวมเข้าด้วย และนับเป็น เดือนเต็ม โดยไม่คำนึงถึงถึงจำนวนชั่วโมงว่าต้องครบ 24 ชั่วโมง ถ้าโทษจำคุกกำหนดเป็นเดือน ให้นับ 30 วันเต็มเป็น  1 เดือน ถ้ากำหนดเป็นปี ให้คิดคำนวณตามปีปฏิทิน)
                          3 . กักขัง (คือ การกักขังไว้ในที่สถานที่กักขัง ซึ่งกำหนดไว้ซึ่งมิใช่เรือนจำสถานีตำรวจ หรือสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน)
                         4 . ปรับ (คือการที่จำเลยต้องชำระเงินตามจำนวนตามที่ศาลพิพากษา หากไม่ชำระภายใน30 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา จำเลยอาจถูกยึดทรัพย์สินใช้แทนค่าปรับ หรืออาจถูกกักขังแทนค่าปรับ โดยถืออัตราค่าปรับ 200 บาท ต่อการกักขัง วัน ถ้าจำเลยเคยถูกควบคุมตัวมาก่อนไม่ว่าจะเป็นชั้นพนักงานสอบสวน ชั้นอัยการ หรือชั้นศาล ศาลจะนำวันที่ถูกควบคุมตัวนั้นมาคิดหักวันขังให้ด้วยหรือจำเลยจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอทำงานสาธารณประโยชน์ หรืองานบริการสังคม แทนการชำระค่าปรับก็ได้ ถ้าศาลเห็นสมควรอนุญาต ศาลจะต้องกำหนดชั่วโมงการทำงานที่จะถือว่าเป็น วันทำงานไว้ด้วย
                       การกักขังแทนค่าปรับนี้  กฎหมายห้ามมิให้กักขังแทนค่าปรับเกิน ปี เว้นแต่คำพิพากษาให้ปรับตั้งแต่ 80,000 บาท สามารถกักขังแทนค่าปรับเกิน ปีได้ แต่ต้องไม่เกิน ปี)
                       5 . ริบทรัพย์สิน (คือ ทรัพย์ที่ผู้นั้นได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ศาลมีอำนาจสั่งริบ เว้นแต่ทรัพย์นั้นเป็นทรัพย์สินของผู้อื่นที่ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดด้วย เจ้าของทรัพย์สินที่แท้จริงมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อเพื่อขอคืนทรัพย์สินของตนไว้)
               แต่การที่เอาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าผู้นั้นได้กระทำความผิดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ และบุคคลจักต้องรับโทษทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนาเว้นแต่จะเข้าเหตุยกเว้นตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
            หรืออาจกล่าวได้ว่า คดีอาญา เป็นเรื่องที่ฟ้องเพื่อเอาผิดกับบุคคลที่ได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำนั้น บัญญัติว่าเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ ให้มารับโทษ และโทษจะสิ้นสุดลงเมื่อผู้นั้นตาย โดยผู้ฟ้องจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าผู้กระทำนั้นมีเจตนาประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลจากการกระทำการอันกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิดนั้น ศาลจึงจะลงโทษผู้นั้นได้ และโทษที่จะลงนั้น ต้องเป็นโทษที่กฎหมายที่ใช้ในขณะที่มีการกระทำความผิดนั้นกำหนดไว้ด้วย(มีต่อนะครับ)

กองมรดก

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับมรดก :: โดย www.meechaithailand.com ...